ไม้เลื้อย |  Bengal Trumpet

First slide
QR-CODE

ชื่อวิทยาศาสตร์

Thunbergia grandiflora

ชื่อสามัญ

Bengal Trumpet

ชื่ออื่น

ช่ออินทนิล/ช่องหูปากกา/น้ำผึ้ง/ปากกา/ย่ำแย้

วงค์ หมวดหมู่

ACANTHACEAE

ประเภทพันธ์ไม้

ไม้เลื้อย

ชนิดของลำต้น

ลำต้นเหนือดิน

สภาพทางนิเวศน์

การขยายพันธ์

ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปักชำ

การจัดเรียงตัวของใบ

เรียงตรงข้าม

รูปร่างของใบ

รูปไข่

แบ่งชนิดของผล

ผลเดี่ยว

ประเภทของดอก

ช่อดอก

ประเภทของดอก

ช่อดอก

ประเภทของเปลือก

เปลือกไม้เรียบ

ลักษณะของใบ

เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะรูปทรงใบจะเป็นรูปไข่แกมรูป หัวใจ หรือใบคล้ายใบพลูเพียงแต่ปลายใบจะแหลมกว่าใบพลู โคนใบเว้าหยักเป็นรูปหัวใจ ใบมีขนแข็ง ๆ หากจับดูจะรู้สึกระคายมือใบมีความกว้างประมาณ 8 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร

ลักษณะของใบ

เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะรูปทรงใบจะเป็นรูปไข่แกมรูป หัวใจ หรือใบคล้ายใบพลูเพียงแต่ปลายใบจะแหลมกว่าใบพลู โคนใบเว้าหยักเป็นรูปหัวใจ ใบมีขนแข็ง ๆ หากจับดูจะรู้สึกระคายมือใบมีความกว้างประมาณ 8 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร

ลักษณะของผล

ค่อนข้างกลม ปลายเป็นจะงอย เมื่อแก่แล้วแตก

ลักษณะของดอก

ดอกสีฟ้าอ่อนถึงสีฟ้าเข้ม อกดอกเป็นช่อตามข้อต้นหรือตามซอกใบ ดอกช่อ หนึ่ง ๆ ยาวประมาณ 3 ฟุต ลักษณะของดอกเป็นทรงกรวย ห้อยลง มี 5 กลีบ ขนาดของกลีบ ดอกไม่เท่ากัน โคนดอกเป็นหลอดปลายบานออก ภายในดอกมีเกสร 4 อัน ซึ่งมีความยาว ไม่เท่ากัน คือจะสั้น 2 อัน และยาวอีก 2 อัน

รายละเอียดของเปลือก

ลำต้นเป็นเหลี่ยม เปลือกไม้เรียบ

ลักษณะของต้น

เป็นไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยพันต้นไม้อื่นไปได้ไกลประมาณ 40-50 ฟุต เถาอ่อนมีสีเขียวเข้ม ส่วนเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาล

ประโยชน์

ราก ใบ ทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงร่างกาย ใบใช้ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปวดท้อง ชาวเขาเผ่าอีก้อจะใช้ ราก ใบ ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ใบใช้เป็นยารักษาแผลสด แผลถลอก และช่วยห้ามเลือด ใบนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาทา พอก หรือเคี้ยวกินเป็นยาแก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน และหูด ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ บวมเป็นก้อน ติดเชื้อ รากและเถาใช้เป็นยาพอกแก้ฟกช้ำบวม หรือใช้ตำพอกแผลแก้อักเสบ ใบใช้เป็นยารักษากระดูกหัก มีอาการปวดกระดูก

สถานที่พบ

ส่วนป่าวิทยาลัย